ทำความรู้จัก NLP คืออะไร
ต้นกำเนิดของศาสตร์ Neuro Linguistic Programming (NLP) เกิดขึ้นในช่วง ค.ศ.1980 โดย Richard Bandler (นักคณิตศาสตร์) และ John Grinder (นักภาษาศาตร์) พวกเขาเป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่ The University of California, Santa Cruz พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่าอะไรที่ทำให้คนประสบความสำเร็จ และอะไรที่ทำให้คนล้มเหลว ในด้านต่างๆ เช่น งาน ความสัมพันธ์ การเรียน ครอบครัว สุขภาพ ความรัก และอื่นๆ อีกข้อสังเกตที่พวกเขามองเห็นคือทำไมคนส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จก็ประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่องและในทางเดียวกันคนที่ล้มเหลวก็ยังคนล้มเหลวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีมนุษย์คนไหนอยากที่จะล้มเหลว แต่คนเหล่านั้นก็ยังคงไม่ประสบความสำเร็จตามที่ตัวเองต้องการ
พวกเขาจึงได้เริ่มงานวิจัยและการทดลอง ซึ่งถือไปแก่นสำคัญของศาสตร์ NLP ตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบันคือ คือการลอกเลียนแบบ (Modelling) พวกเขาได้ศึกษาบุคคลที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ที่สำคัญพวกเขาไม่ได้เลือกที่จะศึกษาบุคคลที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่เกิด แต่ศึกษาบุคคลที่มีความยากลำบากในเรื่องนั้นๆ แต่บุคคลเหล่านั้นสามารถที่จะพาตัวเองออกจากความยากลำบากไปสู่ความสำเร็จได้ด้วยตัวของพวกเขาเอง ซึ่งโดยส่วนมากคนที่ประสบความสำเร็จมักไม่รู้ว่าตัวเองประสบความสำเร็จได้อย่างไร พวกเขาแค่รู้ว่าต้องคิดแบบนี้ ควรทำแบบนี้ หรือตัดสินใจแบบนี้ “แค่รู้” ทุกอย่างมันเหมือนเป็น auto pilot คนที่ล้มเหลวก็เช่นกัน
ต่อมาพวกเขาได้ศึกษาบุคคลที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น Dr Milton Erickson (บิดานักสะกดจิตบำบัด), Fritz Pearls (นักจิตวิเคราะห์), Virginia Satir (นักบำบัดฟื้นฟูครอบครัว) และสิ่งที่เขาทั้ง 2 สังเกตจากบุคคลที่พวกเขากำลังศึกษาคือรูปแบบ (Pattern) ที่คล้ายกันจากการตั้งคำถาม การขยับมือ การหายใจและกลั้นหายใจ การขยับดวงตา รวมถึงน้ำเสียงและจังหวะการสื่อสารของพวกเขา และอื่นๆอีกมากมาย ที่นักบำบัดทั้ง 3 ท่านนี้เองก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้พูดสิ่งนั้น เคลื่อนไหวร่างกายแบบนั้น หรือ ทำสิ่งต่างๆที่ตัวเองได้ทำออกไป มันเลยทำให้ Richard กับ John มันใจว่ามันต้องเป็นรูปแบบแน่นๆ และเป็นรูปแบบที่นักบำบัดทั้ง 3 ใช้มันซ้ำๆ อย่างไม่รู้ตัวและทำให้ผลลัพธ์ที่ดีออกมาอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้แล้วความต้องการของ Richard กับ John คือต้องการส่งต่อ/ถ่ายทอด รูปแบบนี้ความสำเร็จนี้ไปสู่คนอื่นได้อีกด้วยเพื่อให้แบ่งบันความสำเร็จและแก้ปัญหาให้กับคนที่กำลังล้มเหลวอยู่เพื่อให้ผู้คนมีความสุขมากขึ้น สิ่งนี้จึงถึงเป็นต้นกำเนิดของ “เทคโนโลยี” ความสำเร็จที่เรียกว่า NLP
เราใช้คำว่า คำว่า เทคโนโลยี ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า “Technology” มาจากภาษากรีกว่า “Technologia” แปลว่า การกระทำที่มีระบบ, องค์ความรู้ แหล่งรวบรวมความรู้จากการปฏิบัติ (the study and knowledge of the practical) ซึ่งทุกความสำเร็จของแต่ละบุคคลในเรื่องต่างๆ ก็ถือว่าเป็นแหล่งความรู้ เทคนิค ที่มีโครงสร้าง กระบวนการ และเป็นระบบ ที่อยู่ในรูปแบบ (pattern) ต่างๆ ของแต่ละเรื่อง แต่ละบุคคล ที่ NLP สามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการถ่ายโอนไปยังบุคคลที่ต้องการผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การลอกเลียนแบบ (Modelling) ได้อีกด้วย
ต่อมาพวกเขาทั้ง 2 ยังคนพัฒนาศาสตร์นี้อย่างต่อเนื่องกับบุคคลที่พัฒนาต่อยอดศาตร์ NLP และเครื่องมือ (Modelling Processes) ต่างๆของ NLP เช่น Leslie Cameron-Bandler, David Gordon, Stephen Gilligan, Richard Clarke, Robert Mcdonald, Suzi Smith, Tim Hallbom, Gino Bonissone, Todd Epstein, Robert Dilts, Judit DeLozier
และศึกษาบุคคลที่ประสำความสำเร็จในด้านต่างๆ บนโลกอย่างต่อเนื่องเช่น Wolfgang Amadeus Mozart, Leonardo da Vinci, Nikola Tesla, Sigmund Freud, Aristotle, Sir Arthur Conan Doyle’s, Albert Einstein, Walt Disney และอีกมากมาย ที่ถูกนำไปใช้กว่า 40ปี กับองค์กรไม่ต่ำว่า 500 องค์กรชั้นนำของโลก และพิสูจน์แล้วว่าเครื่องและกระบวนการต่างๆ ของ NLP สร้างผลลัพธ์ได้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และยั่งยืน และหัวใจสำคัญที่สุดที่ทำให้คนที่ประสบความสำเร็จคือ “การตัดสินใจ” ที่มาจากกระบวนการคิด วิธีการสื่อสารกับตัวเอง ออกมาเป็นความเป็นเลิศของกลยุทธ์นั้นๆ (Strategies of exellence) ที่สามารถถ่ายทอดได้